Constitution

For optimal readability, we highly recommend downloading the document PDF, which you can do below.

Document Information:


หน้
า ๑
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

รั
ฐธรรมนู
ญแห่
งราชอาณาจักรไทย

สมเด็
จพระเจ้
าอยู

หั
วมหาวชิ
ราลงกรณ บดิ
นทรเทพยวรางกู

ตราไว้
ณ วันที

๖ เมษายน พุ
ทธศั
กราช ๒๕๖๐
เป็
นปี
ที

๒ ในรั
ชกาลปั
จจุบั

ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาค ๒๕๖๐ พรรษา ปัจจุบันสมัย จันทรคตินิยม
กุ
กกุ
ฏสมพั
ตสร จิ
ตรมาส ชุ
ณหปั
กษ์
ทสมี
ดิ
ถี
สุ
ริ
ยคติ
กาล เมษายนมาส ฉั
ฏฐสุ
รทิ
น ครุ
วาร โดยกาลบริ
เฉท
สมเด็จพระเจ้าอยู
่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ประกาศว่า นายกรัฐมนตรีได้นําความกราบบังคมทูลว่า นับแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก
พระปกเกล้
าเจ้
าอยู

หั
ว ได้
ทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม
พุ
ทธศั
กราช ๒๔๗๕ เป็นต้นมา การปกครองของประเทศไทยได้ดํ
ารงเจตนารมณ์ยึดมั
่นในระบอบประชาธิปไตย
อั
นมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อเนื
่องมาโดยตลอด แม้ได้มีการยกเลิก แก้ไขเพิ
่มเติม และประกาศใช้
รัฐธรรมนูญเพื
่อจัดระเบียบการปกครองให้เหมาะสมหลายครั
้ง แต่การปกครองก็มิได้มีเสถียรภาพหรือ
ราบรื
่นเรียบร้อยเพราะยังคงประสบปัญหาและข้อขัดแย้งต่าง ๆ บางคร

้งเป็นวิกฤติทางรัฐธรรมนูญที
่หา
ทางออกไม่ได้ เหตุส่วนหนึ
่งเกิดจากการที
่มีผู
้ไม่นําพาหรือไม่นับถือยําเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง
ทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอํานาจ หรือขาดความตระหนักสํานึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน
จนทํ
าให้
การบั
งคั
บใช้
กฎหมายไม่
เป็
นผล ซึ

งจํ
าต้
องป้องกันและแก้ไขด้วยการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้
กฎหมาย และเสริ
มสร้
างความเข้
มแข็
งของระบบคุ
ณธรรมและจริ
ยธรรม แต่
เหตุ
อี
กส่
วนหนึ

งเกิ
ดจากกฎเกณฑ์
การเมืองการปกครองที
่ยังไม่เหมาะสมแก่สภาวการณ์บ้านเมืองและกาลสมัย ให้ความสําคัญแก่รูปแบบ
และวิ
ธี
การยิ

งกว่
าหลั
กการพื

นฐานในระบอบประชาธิ
ปไตยหรื
อไม่
อาจนํากฎเกณฑ์ที
่มีอยู
่มาใช้แก่พฤติกรรม
ของบุ
คคลและสถานการณ์
ในยามวิ
กฤติ
ที

มี
รู
ปแบบและวิ
ธี
การแตกต่
างไปจากเดิมให้
ได้
ผล

หน้
า ๒
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

รั
ฐธรรมนู
ญแห่
งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั
่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ
่มเติม (ฉบับที
่ ๑)
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๘ จึ
งได้
บั
ญญั
ติ
ให้
มี
คณะกรรมการร่
างรั
ฐธรรมนู
ญมีหน้าที
่ร่างรัฐธรรมนูญเพื
่อใช้เป็นหลัก
ในการปกครอง และเป็
นแนวทางในการจั
ดทํ
ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื
่น โดยได้กําหนดกลไก
เพื
่อจัดระเบียบและสร
้างความเข้มแข็งแก่การปกครองประเทศขึ
้นใหม่ด้วยการจัดโครงสร้างของหน้าที

และอํ
านาจขององค์
กรต่
าง ๆ ตามรั
ฐธรรมนู
ญ และสั
มพั
นธภาพระหว่
างฝ่
ายนิ
ติ
บั
ญญั
ติ
กั
บฝ่
ายบริ
หารให้
เหมาะสม
การให้
สถาบั
นศาลและองค์กรอิสระอื
่นซึ
่งมีหน้าที
่ตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐสามารถปฏิบัติหน้าที
่ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สุจริต เที
่ยงธรรมและมี
ส่วนในการป้องกันหรือแก้ไขวิกฤติของประเทศตามความจําเป็น
และความเหมาะสม การรับรอง ปกป้อง และคุ
้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยให้ชัดเจนและครอบคลุม
อย่างกว้างขวางยิ
่งขึ
้น โดยถือว่าการมีสิทธิเสรีภาพเป็นหลักการจํากัดตัดสิทธิเสรีภาพเป็นข้อยกเว้น
แต่การใช้สิทธิเสร
ีภาพดังกล่าวต้องอยู
่ภายใต้กฎเกณฑ์เพื
่อคุ
้มครองส่วนรวม การกําหนดให้รัฐมีหน้าที

ต่
อประชาชนเช่นเดียวกับการให้ประชาชนมีหน้าที
่ต่อรัฐ การวางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริต
และประพฤติมิชอบที
่เข้มงวด เด็ดขาด เพื
่อมิให้ผู
้บริหารที
่ปราศจากคุณธรรม จริ
ยธรรม และธรรมาภิบาล
เข้ามามีอํานาจในการปกครองบ้านเมืองหรือใช้อํานาจตามอําเภอใจ และการกําหนดมาตรการป้องกัน
และบริหารจัดการวิกฤติการณ์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ
่งขึ
้น ตลอดจนได้กําหนดกลไกอื
่น ๆ
ตามแนวทางที

รั
ฐธรรมนู
ญแห่
งราชอาณาจั
กรไทย (ฉบั
บชั
่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ระบุไว้ เพื
่อใช้เป็
นกรอบ
ในการพัฒนาประเทศตามแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติซึ
่งผู
้เข้ามาบริหารประเทศแต่ละคณะ
จะได้กําหนดนโยบายและวิธีดําเนินการที
่เหมาะสมต่อไป ทั
้งยังสร้างกลไกในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ
ที

สํ
าคั
ญและจําเป็นอย่างร่วมมือร่วมใจกัน รวมตลอดทั
้งการลดเงื
่อนไขความขัดแย้งเพื
่อให้ประเทศมีความสงบสุข
บนพื
้นฐานของความรู
้รักสามัคคีปรองดอง การจะดําเนินการในเรื
่องเหล่านี
้ให้ลุล่วงไปได้ จําต้องอาศัย
ความร่
วมมื
อระหว่
างประชาชนทุ
กภาคส่
วนกั
บหน่
วยงานทั
้งหลายของรัฐตามแนวทางประชารัฐภายใต้กฎเกณฑ์
ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครองที
่เหมาะสมกับสถานการณ์

และลักษณะสังคมไทย หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล อันจะทําให้
สามารถ
ขับเคลื
่อนประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างเป็นขั
้นตอนจนเกิดความมั
่นคง มั
่งคั
่ง และยั
่งยืน ทั
้งในทาง
การเมื
องการปกครอง เศรษฐกิ
จ และสั
งคมตามระบอบประชาธิ
ปไตยอั
นมี
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นประมุ

ในการดํ
าเนิ
นการดั
งกล่
าว คณะกรรมการร่
างรั
ฐธรรมนู
ญได้
สร้
างความรั
บรู
้ความเข้าใจแก่ประชาชน
ในหลักการและเหตุผลของบทบัญญัติต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ เป
ิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงร่างรัฐธรรมนูญ
และความหมายโดยผ่
านทางสื

อต่
าง ๆ อย่
างกว้
างขวาง และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสารัตถะของ
ร่างรัฐธรรมนูญด้วยการเสนอแนะข้อควรแก้ไขเพิ
่มเติม เมื
่อการจัดทําร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ก็ได้เผยแพร่
ร่
างรั
ฐธรรมนู
ญและคํ
าอธิ
บายสาระสํ
าคัญของร่างรัฐธรรมนูญโดยสรุปในลักษณะที
่ประชาชนสามารถเข้าใจ
เนื
้อหาสําคัญของร่างรัฐธรรมนูญได้โดยสะดวกและเป็นการทั
่วไป และจัดให้มีการออกเสียงประชามติ

หน้
า ๓
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

เพื
่อให้ความเห็นชอบแก่ร่างรัฐธรรมนูญทั
้งฉบับ ในการนี
้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติเสนอประเด็น
เพิ
่มเติมอีกประเด็นหนึ
่งเพื
่อให้มีการออกเสียงประชามติในคราวเดียวกันด้วย การออกเสียงประชามติ
ปรากฏผลว่า ประชาชนผู
้มีสิทธิออกเสียงประชามติโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู
้มาออกเส
ียงประชามติ
เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ
่มเติมดังกล่าว คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจึงดําเนินการแก้ไข
ร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที
่เกี
่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติในประเด็นเพิ
่มเติม และได้ส่งให้

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าเป็นการชอบด้วยผลการออกเสียงประชามติแล้วหรือไม่
ซึ
่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ
ได้วินิจฉัยให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ
่มเติมข้อความบางส่วน และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
ได้ดําเนินการแก้ไขตามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงนําร่างรัฐธรรมนูญขึ
้นทูลเกล้า
ทูลกระหม่อมถวาย ต่อมาร
ัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั
่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไข
เพิ
่มเติม (ฉบับที
่ ๔) พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีขอรับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญนั
้น
คืนมาแก้ไขเพิ
่มเติมเฉพาะบางประเด็นได้ เมื
่อดําเนินการแล้วเสร็จ นายกรัฐมนตรีจ
ึงนําร่างรัฐธรรมนูญนั
้น
ขึ
้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื
่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
สื
บไป ทรงพระราชดํ
าริ
ว่
าสมควรพระราชทานพระราชานุ
มั
ติ

จึ
งมี
พระราชโองการดํารัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี

ขึ
้นไว้ ให้ใช้แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช

่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ
่งได้ตราไว้

ณ วั
นที

๒๒ กรกฎาคม พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๗ ตั

งแต่
วั
นประกาศนี

เป็
นต้
นไป
ขอปวงชนชาวไทย จงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์ ในอันที
่จะปฏิบัติตามและพิทักษ์รักษา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี
้ เพื
่อธํารงคงไว้ซึ
่งระบอบประชาธิปไตยและอํานาจอธิปไตยของ
ปวงชนชาวไทย
และนํามาซึ
่งความผาสุกสิริสวัสดิ
์พิพัฒนชัยมงคล อเนกศุภผลสกลเกียรติยศสถาพรแก่

อาณาประชาราษฎรทั

วสยามรั
ฐสี
มา สมดั

งพระราชปณิ
ธานปรารถนาทุ
กประการ เทอญ
หมวด ๑
บททั

วไป

มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็
นราชอาณาจั
กรอั
นหนึ

งอั
นเดี
ยว จะแบ่
งแยกมิ
ได้

มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์

ทรงเป็
นประมุ

มาตรา ๓ อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู
้ทรงเป็นประมุข
ทรงใช้
อํ
านาจนั

นทางรั
ฐสภา คณะรั
ฐมนตรี
และศาล ตามบทบั
ญญั
ติ
แห่
งรั
ฐธรรมนู

หน้
า ๔
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที
่ให้เป็นไป
ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื
่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของ
ประชาชนโดยรวม
มาตรา ๔ ศักดิ
์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล

่ อมได้
รั
บความคุ

มครอง
ปวงชนชาวไทยย่
อมได้
รั
บความคุ

มครองตามรั
ฐธรรมนู
ญเสมอกั

มาตรา ๕ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ
หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั
้นเป็นอันใช้บังคับ
มิ
ได้

เมื
่อไม่
มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี
้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั
้นหรือวินิจฉัยกรณีนั
้น
ไปตามประเพณี
การปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอั
นมี
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นประมุข
หมวด ๒
พระมหากษั
ตริ
ย์

มาตรา ๖ องค์
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงดํ
ารงอยู

ในฐานะอั
นเป็
นที

เคารพสั
กการะ ผู

ใดจะละเมิ
ดมิ
ได้

ผู

ใดจะกล่
าวหาหรื
อฟ้
องร้
องพระมหากษั
ตริ
ย์
ในทางใด ๆ มิ
ได้

มาตรา ๗ พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นพุ
ทธมามกะ และทรงเป็
นอั
ครศาสนู
ปถั
มภก
มาตรา ๘ พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงดํ
ารงตํ
าแหน่
งจอมทั
พไทย
มาตรา ๙ พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงไว้
ซึ

งพระราชอํ
านาจที
่ จะสถาปนาและถอดถอนฐานั
นดรศั
กดิ

และพระราชทานและเรี
ยกคื
นเครื

องราชอิ
สริ
ยาภรณ์

มาตรา ๑๐ พระมหากษัตริย์ทรงเลื
อกและทรงแต่งตั
้งผู
้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรี
คนหนึ

งและองคมนตรี
อื

นอี
กไม่
เกิ
นสิ
บแปดคนประกอบเป็
นคณะองคมนตรี

คณะองคมนตรีมีหน้าที
่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั
้งปวง
ที

พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงปรึ
กษา และมี
หน้
าที

อื

นตามที

บั
ญญั
ติ
ไว้
ในรั
ฐธรรมนู

มาตรา ๑๑ การเลือกและแต่งตั
้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตําแหน่ง ให้เป
็นไป
ตามพระราชอั
ธยาศั

ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู
้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั
้งประธานองคมนตรีหรือ
ให้
ประธานองคมนตรี
พ้
นจากตํ
าแหน่

ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู
้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั
้งองคมนตรีอื
่นหรือ
ให้
องคมนตรี
อื

นพ้
นจากตํ
าแหน่

หน้
า ๕
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

มาตรา ๑๒ องคมนตรี
ต้
องไม่
เป็
นสมาชิ
กสภาผู

แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือดํารงตําแหน่ง
ทางการเมืองอื
่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู
้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที
่อื
่น
ของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที
่ของพรรคการเมือง หรือข้าราชการเว
้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์

ในตํ
าแหน่
งองคมนตรี
และต้
องไม่
แสดงการฝักใฝ่
ในพรรคการเมื
องใด ๆ
มาตรา ๑๓ ก่อนเข้ารับหน้าที
่ องคมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์

ด้
วยถ้
อยคํ
า ดั
งต่
อไปนี

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื
่อผู
้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงร
ักภักดีต่อ
พระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที
่ด้วยความซื
่อสัตย์สุจริต เพื
่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
ทั

งจะรั
กษาไว้
และปฏิ
บั
ติ
ตามซึ

งรั
ฐธรรมนู
ญแห่
งราชอาณาจั
กรไทยทุ
กประการ”
มาตรา ๑๔ องคมนตรีพ้นจากตําแหน่งเมื
่อตาย ลาออก หรือมีพระบรมราชโองการให้พ้นจาก
ตํ
าแหน่

มาตรา ๑๕ การแต่งตั
้งและการให้ข
้าราชการในพระองค์พ้นจากตําแหน่ง ให้เป็นไปตาม
พระราชอั
ธยาศั

การจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตาม
พระราชอั
ธยาศั
ยตามที

บั
ญญั
ติ
ไว้
ในพระราชกฤษฎี
กา
มาตรา ๑๖ ในเมื
่อพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู
่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหาร
พระราชภาระไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม จะทรงแต่งตั
้งบุคคลคนหนึ
่งหรือหลายคนเป็นคณะขึ
้น ให้เป็น
ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์หรือไม่ก็ได้ และในกรณีที
่ทรงแต่งตั
้งผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์

ให้
ประธานรั
ฐสภาเป็
นผู

ลงนามรั
บสนองพระบรมราชโองการ
มาตรา ๑๗ ในกรณีที
่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั
้งผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์

ตามมาตรา ๑๖ หรือในกรณีที
่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั
้งผ

้สําเร็จราชการแทนพระองค์เพราะ
ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื
่น แต่ต่อมาคณะองคมนตรีพิจารณาเห็นว่ามีความจําเป็นสมควร
แต่งตั
้งผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์และไม่อาจกราบบังคมทูลให้ทรงแต่งตั
้งได้ทันการ ให้คณะองคมนตรี
เสนอชื
่อบุคคลคนหนึ
่งหรือหลายคนเป็นคณะ ตามลําดับที
่โปรดเกล้าโปรดกระหม่
อมกําหนดไว้ก่อนแล้ว
ให้เป็นผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วแจ้งประธานรัฐสภาเพื
่อประกาศในพระปรมาภิไธย
พระมหากษั
ตริ
ย์
แต่
งตั

งผู

นั

นขึ

นเป็
นผู

สํ
าเร็
จราชการแทนพระองค์

มาตรา ๑๘ ในระหว่างที
่ไม่มีผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ตามมาตรา ๑๗ ให้ประธาน
องคมนตรี
เป็
นผู

สํ
าเร็
จราชการแทนพระองค์
เป็
นการชั

วคราวไปพลางก่
อน
ในกรณีที
่ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ซึ
่งได้รับการแต่งตั
้งตามมาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๗
ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที
่ได้ ให้ประธานองคมนตรีทําหน้าที
่ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั
่วคราว
ไปพลางก่
อน

หน้
า ๖
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

ในระหว่างที
่ประธานองคมนตรีเป็นผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ตามวรรคหนึ
่ง หรือในระหว่างที

ประธานองคมนตรีทําหน้าที
่ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ตามวรรคสอง ประธานองคมนตรีจะปฏิบัติหน้าที

ในฐานะเป็นประธานองคมนตรีมิได้ ในกรณีเช่นว่านี
้ ให้คณะองคมนตรีเลือกองคมนตรีคนหนึ
่งขึ
้น
ทํ
าหน้
าที

ประธานองคมนตรี
เป็
นการชั

วคราวไปพลางก่
อน
มาตรา ๑๙
ก่
อนเข้ารับหน้าที
่ ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ซึ
่งได้รับการแต่งตั
้งตามมาตรา ๑๖
หรื
อมาตรา ๑๗ ต้
องปฏิ
ญาณตนในที

ประชุ
มรั
ฐสภาด้
วยถ้
อยคํ
า ดั
งต่
อไปนี

“ข้
าพเจ้
า (ชื

อผู

ปฏิ
ญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ (พระปรมาภิไธย)
และจะปฏิบัติหน้
าที
่ด้วยความซื
่อสัตย์สุจริต เพื
่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั
้งจะรักษาไว้

และปฏิ
บั
ติ
ตามซึ

งรั
ฐธรรมนู
ญแห่
งราชอาณาจั
กรไทยทุ
กประการ”
ผู

สํ
าเร็
จราชการแทนพระองค์
ซึ

งเคยได้
รั
บการแต่
งตั

งและปฏิ
ญาณตนมาแล้
ว ไม่
ต้
องปฏิ
ญาณตนอี

มาตรา ๒๐ ภายใต้
บั
งคั
บมาตรา ๒๑ การสื
บราชสมบั
ติให้เป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาล
ว่
าด้
วยการสื
บราชสั
นตติ
วงศ์
พระพุ
ทธศั
กราช ๒๔๖๗
การแก้ไขเพิ
่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗
เป็
นพระราชอํ
านาจของพระมหากษั
ตริ
ย์
โดยเฉพาะ เมื

อมี
พระราชดํ
าริ
ประการใด ให้
คณะองคมนตรีจัดทํา
ร่
างกฎมณเฑี
ยรบาลแก้
ไขเพิ

มเติมกฎมณเฑียรบาลเดิมขึ
้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื
่อมีพระราชวินิจฉัย
เมื
่อทรงเห็นชอบและทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประธานองคมนตรีดําเนินการแจ้งประธานรั
ฐสภา
เพื
่อให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้รัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
และเมื

อได้
ประกาศในราชกิ
จจานุ
เบกษาแล้
ว ให้
ใช้
บั
งคั
บเป็
นกฎหมายได้

มาตรา ๒๑ ในกรณีที
่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที
่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั
้ง
พระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แล้

ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื
่อรับทราบ
และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ
้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธาน
รั
ฐสภาประกาศให้
ประชาชนทราบ
ในกรณีที
่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที
่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั
้งพระรัชทายาทไว้
ตามวรรคหนึ
่ง ให้คณะองคมนตรีเสนอพระนามผู
้สืบราชสันตติวงศ์ตามมาตรา ๒๐ ต่อคณะรัฐมนตรี

เพื
่อเสนอต่อรัฐสภาเพื
่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ในการนี
้ จะเสนอพระนามพระราชธิดาก็ได้ เมื
่อรัฐสภา
ให้
ความเห็
นชอบแล้
ว ให้
ประธานรั
ฐสภาอั
ญเชิ
ญองค์
ผู

สื
บราชสันตติวงศ์ขึ
้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป
แล้
วให้
ประธานรั
ฐสภาประกาศให้
ประชาชนทราบ

หน้
า ๗
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

มาตรา ๒๒ ในระหว่
างที

ยั
งไม่มีประกาศอัญเชิญองค์พระรัชทายาทหรือองค์ผู
้สืบราชสันตติวงศ์
ขึ

นทรงราชย์
เป็นพระมหากษัตริย์ตามมาตรา ๒๑ ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์
เป็นการชั
่วคราวไปพลางก่อน แต่ในกรณีที
่ราชบัลลังก์หากว่างลงในระหว่างที
่ได้แต่งตั
้งผู
้สําเร็จราชการ
แทนพระองค
์ ไว้
ตามมาตรา ๑๖ หรื
อมาตรา ๑๗ หรื
อระหว่
างเวลาที

ประธานองคมนตรี
เป็
นผู
้สําเร็จราชการ
แทนพระองค์
ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ
่ง ให้ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์นั
้น ๆ แล้วแต่กรณี เป็นผู
้สําเร็จราชการ
แทนพระองค์ต่อไป ทั
้งนี
้ จนกว่าจะได้ประกาศอัญเชิญองค์พระรัชทายาทหรือองค์ผู
้สืบราชสันตติวงศ์

ขึ

นทรงราชย์
เป็
นพระมหากษั
ตริ
ย์

ในกรณีที
่ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ซึ
่งได้รับการแต่งตั
้งไว้และเป็นผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์
ต่
อไปตามวรรคหนึ

ง ไม่
สามารถปฏิ
บั
ติ
หน้
าที

ได้
ให้
ประธานองคมนตรี
ทํ
าหน้
าที

ผู

สําเร็จราชการแทนพระองค์
เป็
นการชั

วคราวไปพลางก่
อน
ในกรณีที
่ประธานองคมนตรีเป็นผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ตามวรรคหนึ
่ง หรือทําหน้าที

ผู

สํ
าเร็
จราชการแทนพระองค์
เป็
นการชั

วคราวตามวรรคสอง ให้
นํ
ามาตรา ๑๘ วรรคสาม มาใช้
บั
งคั

มาตรา ๒๓ ในกรณี
ที

คณะองคมนตรี
จะต้
องปฏิ
บั
ติ
หน้
าที

ตามมาตรา ๑๗ หรื
อมาตรา ๒๑
วรรคสอง หรือประธานองคมนตรีจะต้องเป็นหรือทําหน้าที
่ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ตามมาตรา ๑๘
วรรคหนึ
่งหรือวรรคสอง หรือมาตรา ๒๒ วรรคสอง และอยู
่ในระหว่างที
่ไม่มีประธานองคมนตรี

หรื
อมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที
่ได้ ให้คณะองคมนตรีที
่เหลืออยู
่เลือกองคมนตรีคนหนึ
่งเพื
่อทําหน้าที

ประธานองคมนตรี หรือเป็นหรือทําหน้าที
่ผู
้สําเร็จราชการแทนพระองค์ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ
่ง
หรื
อวรรคสอง หรื
อตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง แล้
วแต่
กรณี

มาตรา ๒๔ การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษ
ัตริย์ตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระทําต่อพระรัชทายาทซึ
่งทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว
หรื
อต่
อผู

แทนพระองค์
ก็
ได้

ในระหว่างที
่ยังมิได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตามวรรคหนึ
่ง จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู
้ซึ
่ง
ต้
องถวายสั
ตย์
ปฏิ
ญาณปฏิ
บั
ติ
หน้
าที

ไปพลางก่
อนก็
ได้

หมวด ๓
สิ
ทธิ
และเสรี
ภาพของปวงชนชาวไทย

มาตรา ๒๕ สิ
ทธิ
และเสรี
ภาพของปวงชนชาวไทย นอกจากที
่บัญญัติคุ
้มครองไว้เป็นการเฉพาะ
ในรัฐธรรมนูญแล้ว การใดที
่มิได้ห้ามหรือจํากัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื
่น บุคคลย่อมมีสิทธิ

และเสรี
ภาพที

จะทํ
าการนั

นได้
และได้
รั
บความคุ

มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที
่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพ
เช่
นว่
านั

นไม่
กระทบกระเทื
อนหรื
อเป็
นอั
นตรายต่
อความมั

นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน และไม่
ละเมิ
ดสิ
ทธิ
หรื
อเสรี
ภาพของบุ
คคลอื

หน้
า ๘
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

สิทธิหรือเสรีภาพใดที
่รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามที
่กฎหมายบัญญัติ หรือให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที
่กฎหมายบัญญัติ แม้ยังไม่มีการตรากฎหมายนั
้นขึ
้นใช้บังคับ บุคคลหรือชุมชนย่อมสามารถ
ใช้
สิ
ทธิ
หรื
อเสรี
ภาพนั

นได้
ตามเจตนารมณ์
ของรั
ฐธรรมนู

บุ
คคลซึ

งถู
กละเมิ
ดสิ
ทธิ
หรื
อเสรี
ภาพที

ได้
รั
บความคุ

มครองตามรั
ฐธรรมนู
ญ สามารถยกบทบัญญัติ
แห่
งรั
ฐธรรมนู
ญเพื

อใช้
สิ
ทธิ
ทางศาลหรื
อยกขึ

นเป็
นข้
อต่
อสู

คดี
ในศาลได้

บุคคลซึ
่งได้รับความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพหรือจากการกระทําความผิดอาญา
ของบุ
คคลอื

น ย่
อมมี
สิ
ทธิ
ที

จะได้
รั
บการเยี
ยวยาหรื
อช่
วยเหลื
อจากรั
ฐตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๒๖ การตรากฎหมายที
่มีผลเป็นการจํากัดสิทธิหรือเสร
ีภาพของบุคคลต้องเป็นไป
ตามเงื
่อนไขที
่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที
่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื
่อนไขไว้ กฎหมายดังกล่าว
ต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ
่มภาระหรือจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ

และจะกระทบต่
อศั
กดิ

ศรี
ความเป็
นมนุ
ษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั
้งต้องระบุเหตุผลความจําเป็นในการจํากัดสิทธิ
และเสรี
ภาพไว้
ด้
วย
กฎหมายตามวรรคหนึ
่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั
่วไป ไม่มุ
่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใด
กรณี
หนึ

งหรื
อแก่
บุ
คคลใดบุ
คคลหนึ

งเป็
นการเจาะจง
มาตรา ๒๗ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีส
ิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ
้มครอง
ตามกฎหมายเท่
าเที
ยมกั

ชายและหญิ
งมี
สิ
ทธิ
เท่
าเที
ยมกั

การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื
่องถิ
่นกําเนิด เชื
้อชาติ

ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม
ความเชื
่อทางศาสนา
การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
หรื
อเหตุ
อื

นใด จะกระทํ
ามิ
ได้

มาตรการที
่รัฐกําหนดขึ
้นเพื
่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิหรือเสรีภาพ
ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื
่น หรือเพื
่อคุ
้มครองหรื
ออํานวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู
้สูงอายุ คนพิการ
หรื
อผู

ด้
อยโอกาส ย่
อมไม่
ถื
อว่
าเป็
นการเลื
อกปฏิ
บั
ติ
โดยไม่
เป็
นธรรมตามวรรคสาม
บุคคลผู
้เป็นทหาร ตํารวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที
่อื
่นของรัฐ และพนักงานหรือลูกจ้างขององค์กร
ของรัฐย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับบุ
คคลทั
่วไป เว้นแต่ที
่จํากัดไว้ในกฎหมายเฉพาะในส่วนที

เกี

ยวกั
บการเมื
อง สมรรถภาพ วิ
นั
ย หรื
อจริ
ยธรรม
มาตรา ๒๘ บุ
คคลย่
อมมี
สิ
ทธิ
และเสรี
ภาพในชี
วิ
ตและร่
างกาย
การจับและการคุมขังบุคคลจะกระทํามิได้ เว้นแต่มีคําสั
่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื
่น
ตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

การค้นตัวบุคคลหรื
อการกระทําใดอันกระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือเสรีภาพในชีวิตหรือร่างกาย
จะกระทํ
ามิ
ได้
เว้
นแต่
มี
เหตุ
ตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

หน้
า ๙
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

การทรมาน ทารุ
ณกรรม หรื
อการลงโทษด้
วยวิ
ธี
การโหดร้
ายหรื
อไร้
มนุ
ษยธรรมจะกระทํ
ามิ
ได้

มาตรา ๒๙ บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทําการอันกฎหมายที
่ใช้อยู
่ในเวลา
ที
่กระทํานั
้นบัญญัติเป็นความผิดและกําหนดโทษไว้ และโทษที
่จะลงแก่บุคคลนั
้นจะหนักกว่าโทษที
่บัญญัติไว้ใน
กฎหมายที

ใช้
อยู

ในเวลาที

กระทํ
าความผิ
ดมิ
ได้

ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู
้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษา
อั
นถึ
งที

สุ
ดแสดงว่
าบุ
คคลใดได้
กระทํ
าความผิ
ด จะปฏิ
บั
ติ
ต่
อบุ
คคลนั

นเสมื
อนเป็
นผู

กระทํ
าความผิ
ดมิ
ได้

การควบคุมหรื
อคุมขังผู

ต้
องหาหรื
อจําเลยให้กระทําได้เพี
ยงเท่าที

จําเป็
น เพื

อป้
องกั
นมิ
ให้
มี
การหลบหนี

ในคดี
อาญา จะบั
งคั
บให้
บุ
คคลให้
การเป็
นปฏิ
ปั
กษ์
ต่
อตนเองมิได้

คําขอประกันผู
้ต้องหาหรือจําเลยในคดีอาญาต้องได้รับการพิจารณาและจะเรียกหลักประกัน
จนเกิ
นควรแก่
กรณี
มิ
ได้
การไม่
ให้
ประกั
นต้
องเป็
นไปตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๓๐ การเกณฑ์แรงงานจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติ

แห่งกฎหมายที
่ตราขึ
้นเพ

่อป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ หรือในขณะที
่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรื
อประกาศใช้
กฎอั
ยการศึ
ก หรื
อในระหว่
างเวลาที

ประเทศอยู

ในภาวะสงครามหรื
อการรบ
มาตรา ๓๑ บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนาและย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติ
หรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน
้าที
่ของปวงชนชาวไทย
ไม่
เป็
นอั
นตรายต่
อความปลอดภั
ยของรั
ฐ และไม่
ขั
ดต่
อความสงบเรี
ยบร้
อยหรื
อศี
ลธรรมอั
นดี
ของประชาชน
มาตรา ๓๒ บุ
คคลย่
อมมี
สิ
ทธิ
ในความเป็
นอยู

ส่
วนตั
ว เกี
ยรติ
ยศ ชื

อเสี
ยง และครอบครั

การกระทําอันเป็นการละเมิดหรือกระทบต่อสิทธิของบุคคลตามวรรคหนึ
่ง หรือการนําข้อมูล
ส่
วนบุ
คคลไปใช้
ประโยชน์
ไม่
ว่
าในทางใด ๆ จะกระทํ
ามิได้ เว้
นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ที

ตราขึ

นเพี
ยงเท่
าที

จํ
าเป็
นเพื

อประโยชน์
สาธารณะ
มาตรา ๓๓ บุ
คคลย่
อมมี
เสรี
ภาพในเคหสถาน
การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยินยอมของผู
้ครอบครอง หรือการค้นเคหสถาน
หรื
อที

รโหฐานจะกระทํ
ามิ
ได้
เว้
นแต่
มี
คํ
าสั

งหรื
อหมายของศาลหรื
อมี
เหตุ
อย่
างอื

นตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๓๔ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ

การโฆษณา และการสื
่อความหมายโดยวิธีอื
่น การจํากัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที
่ตราขึ
้นเฉพาะเพื
่อรักษาความมั
่นคงของรัฐ เพื
่อคุ
้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของ
บุคคลอื
่น เพื
่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพ

่อป้องกันสุขภาพของ
ประชาชน
เสรีภาพทางวิชาการย่อมได้รับความคุ
้มครอง แต่การใช้เสรีภาพนั
้นต้องไม่ขัดต่อหน้าที
่ของ
ปวงชนชาวไทยหรื
อศี
ลธรรมอั
นดี
ของประชาชน และต้
องเคารพและไม่
ปิ
ดกั

นความเห็
นต่
างของบุ
คคลอื


มาตรา ๓๕ บุคคลซึ
่งประกอบวิชาชีพสื
่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร
หรื
อการแสดงความคิ
ดเห็
นตามจริ
ยธรรมแห่
งวิ
ชาชี

หน้
า ๑๐
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

การสั

งปิ
ดกิ
จการหนั
งสื
อพิ
มพ์
หรื
อสื

อมวลชนอื

นเพื

อลิ
ดรอนเสรี
ภาพตามวรรคหนึ

ง จะกระทํ
ามิ
ได้

การให้นําข่าวสารหรือข้อความใด ๆ ที
่ผู
้ประกอบวิชาชีพสื
่อมวลชนจัดทําขึ
้นไปให้เจ้าหน้าที
่ตรวจ
ก่อนนําไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือสื
่อใด ๆ จะกระทํามิได้ เว้นแต่จะกระทําในระหว่างเวลาที
่ประเทศ
อยู

ในภาวะสงคราม
เจ้
าของกิ
จการหนั
งสื
อพิ
มพ์
หรื
อสื

อมวลชนอื

นต้
องเป็
นบุ
คคลสั
ญชาติ
ไทย
การให้เงินหรือทรัพย์สินอื
่นเพื
่ออุดหนุนกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื
่อมวลชนอื
่นของเอกชน
รัฐจะกระทํามิได้ หน่วยงานของรัฐที
่ใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินให้สื
่อมวลชนไม่ว่าเพื
่อประโยชน์ในการโฆษณา
หรือประชาสั
มพันธ์ หรือเพื
่อการอื
่นใดในทํานองเดียวกันต้องเปิดเผยรายละเอียดให้คณะกรรมการ
ตรวจเงิ
นแผ่
นดิ
นทราบตามระยะเวลาที

กํ
าหนดและประกาศให้ประชาชนทราบด้
วย
เจ้าหน้าที
่ของรัฐซึ
่งปฏิบัติหน้าที
่สื
่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพตามวรรคหนึ
่ง แต่ให้คํานึงถึงวัตถุประสงค์
และภารกิ
จของหน่
วยงานที

ตนสั
งกั
ดอยู

ด้
วย
มาตรา ๓๖ บุ
คคลย่
อมมี
เสรี
ภาพในการติ
ดต่
อสื

อสารถึ
งกั
นไม่
ว่
าในทางใด ๆ
การตรวจ การกั
ก หรื
อการเปิ
ดเผยข้
อมู
ลที
่บุคคลสื
่อสารถึงกัน รวมทั
้งการกระทําด้วยประการใด ๆ
เพื
่อให้ล่วงรู
้หรือได้มาซึ
่งข้อมูลที
่บุคคลสื
่อสารถึงกันจะกระทํามิได้ เว้นแต่มีคําสั
่งหรือหมายของศาล
หรื
อมี
เหตุ
อย่
างอื

นตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๓๗ บุ
คคลย่
อมมี
สิ
ทธิ
ในทรั
พย์
สิ
นและการสื
บมรดก
ขอบเขตแห่
งสิ
ทธิ
และการจํ
ากั
ดสิ
ทธิ
เช่
นว่
านี

ให้
เป็
นไปตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ที
่ตราขึ
้นเพื
่อการอันเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศ หรือการได้มาซึ
่งทรัพยากรธรรมชาติ

หรื
อเพื

อประโยชน์
สาธารณะอย่
างอื

น และต้องชดใช้ค่าทดแทนที
่เป็นธรรม ภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของ
ตลอดจนผู
้ทรงสิทธิบรรดาที
่ได้รับความเสียหายจากการเวนคืน โดยคํานึงถึงประโยชน์สาธารณะ
ผลกระทบต่
อผู

ถู
กเวนคื
น รวมทั

งประโยชน์
ที

ผู

ถู
กเวนคื
นอาจได้
รั
บจากการเวนคื
นนั


การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ให้กระทําเพียงเท่าที
่จําเป็นต้องใช
้เพื
่อการที
่บัญญัติไว้ในวรรคสาม
เว้นแต่เป็นการเวนคืนเพื
่อนําอสังหาริมทรัพย์ที
่เวนคืนไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์
ที

ถู
กเวนคื
นตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

กฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนและกําหนดระยะเวลา
การเข้าใช้อสังหาริ
มทรัพย์ให้ชัดแจ้ง ถ้ามิได้ใช้ประโยชน์เพื
่อการนั
้นภายในระยะเวลาที
่กําหนด
หรือมีอสังหาริมทรัพย์เหลือจากการใช้ประโยชน์ และเจ้าของเดิมหรือทายาทประสงค์จะได้คืน ให้คืนแก่
เจ้
าของเดิ
มหรื
อทายาท

หน้
า ๑๑
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

ระยะเวลาการขอคืนและการคืนอสังหาริมทรัพย์ที
่ถูกเวนคืนที
่มิได้ใช้ประโยชน์ หรือที
่เหลือจาก
การใช้ประโยชน์ให้แก่เจ้าของเดิมหรือทายาท และการเรียกคืนค่าทดแทนที
่ชดใช้ไป ให้เป็นไปตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

การตรากฎหมายเวนคื
นอสั
งหาริมทรัพย์โดยระบุเจาะจงอสังหาริมทรัพย์หรือเจ้าของอสังหาริมทร
ัพย์
ที

ถู
กเวนคื
นตามความจํ
าเป็
น มิ
ให้
ถื
อว่
าเป็
นการขั
ดต่
อมาตรา ๒๖ วรรคสอง
มาตรา ๓๘ บุ
คคลย่
อมมี
เสรี
ภาพในการเดิ
นทางและการเลื
อกถิ

นที

อยู

การจํากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ
่งจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ที
่ตราขึ
้นเพื
่อความมั
่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือการผังเมือง

หรื
อเพื

อรั
กษาสถานภาพของครอบครั
ว หรื
อเพื

อสวั
สดิ
ภาพของผู

เยาว์

มาตรา ๓๙ การเนรเทศบุ
คคลสัญชาติไทยออกนอกราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้ผู
้มีสัญชาติไทย
เข้
ามาในราชอาณาจั
กร จะกระทํ
ามิ
ได้

การถอนสั
ญชาติ
ของบุ
คคลซึ

งมี
สั
ญชาติ
ไทยโดยการเกิ
ด จะกระทํ
ามิ
ได้

มาตรา ๔๐ บุ
คคลย่
อมมี
เสรี
ภาพในการประกอบอาชี

การจํากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ
่งจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบ
ัญญัติแห่งกฎหมาย
ที
่ตราขึ
้นเพื
่อรักษาความมั
่นคงหรือเศรษฐกิจของประเทศ การแข่งขันอย่างเป็นธรรม การป้องกัน
หรือขจัดการกีดกันหรือการผูกขาด การคุ
้มครองผู
้บริโภค การจัดระเบียบการประกอบอาชีพเพียงเท่าที
่จําเป็น
หรื
อเพื

อประโยชน์
สาธารณะอย่
างอื


การตรากฎหมายเพื

อจั
ดระเบี
ยบการประกอบอาชี
พตามวรรคสอง ต้องไม่มีลั
กษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ
หรื
อก้
าวก่
ายการจั
ดการศึ
กษาของสถาบั
นการศึ
กษา
มาตรา ๔๑ บุ
คคลและชุ
มชนย่
อมมี
สิ
ทธิ

(๑) ได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ
ตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

(๒) เสนอเรื

องราวร้
องทุ
กข์
ต่
อหน่
วยงานของรั
ฐและได้
รั
บแจ้
งผลการพิ
จารณาโดยรวดเร็

(๓) ฟ้องหน่วยงานของรัฐให้รับผิดเนื
่องจากการกระทําหรือการละเว้นการกระทํ
าของข้าราชการ
พนั
กงาน หรื
อลู
กจ้
างของหน่
วยงานของรั

มาตรา ๔๒ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม สหกรณ์ สหภาพ องค์กร ชุมชน
หรื
อหมู

คณะอื


การจํากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ
่งจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ที

ตราขึ

นเพื

อคุ

มครองประโยชน์สาธารณะ เพื
่อรักษาความสงบเรียบร้อย หร
ือศีลธรรมอันดีของประชาชน
หรื
อเพื

อการป้
องกั
นหรื
อขจั
ดการกี
ดกั
นหรื
อการผู
กขาด

หน้
า ๑๒
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

มาตรา ๔๓ บุ
คคลและชุ
มชนย่
อมมี
สิ
ทธิ

(๑) อนุรักษ์ ฟื
้นฟู หรือส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณี
อั
นดี
งามทั

งของท้
องถิ

นและของชาติ

(๒) จั
ดการ บํ
ารุ
งรั
กษา และใช้
ประโยชน์
จากทรั
พยากรธรรมชาติ
สิ

งแวดล้
อม และความหลากหลาย
ทางชี
วภาพอย่
างสมดุ
ลและยั

งยื
นตามวิ
ธี
การที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

(๓) เข้
าชื
่อกันเพื
่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐให้ดําเนินการใดอันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
หรือชุมชน หรืองดเว้นการดําเนินการใดอันจะกระทบต่อความเป็นอยู
่อย่างสงบสุขของประชาชนหรือชุมชน
และได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว ทั
้งนี
้ หน่วยงานของรัฐต้องพิจารณาข้อเสนอแนะนั
้นโดยให้
ประชาชนที

เกี

ยวข้
องมี
ส่
วนร่
วมในการพิ
จารณาด้
วยตามวิ
ธี
การที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

(๔) จั
ดให้
มี
ระบบสวั
สดิ
การของชุ
มชน
สิทธิของบุคคลและชุมชนตามวรรคหนึ
่ง หมายความรวมถึงสิทธิที
่จะร่วมกับองค์กรปกครอง
ส่
วนท้
องถิ

นหรื
อรั
ฐในการดํ
าเนิ
นการดั
งกล่
าวด้
วย
มาตรา ๔๔ บุ
คคลย่
อมมี
เสรี
ภาพในการชุ
มนุ
มโดยสงบและปราศจากอาวุ

การจํากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ
่งจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ที
่ตราขึ
้นเพื
่อรักษาความมั
่นคงของรัฐ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี

ของประชาชน หรื
อเพื

อคุ

มครองสิ
ทธิ
หรื
อเสรี
ภาพของบุ
คคลอื


มาตรา ๔๕ บุ
คคลย่
อมมี
เสรี
ภาพในการรวมกั
นจั
ดตั

งพรรคการเมื
องตามวิ
ถี
ทางการปกครอง
ระบอบประชาธิ
ปไตยอั
นมี
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นประมุข ตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

กฎหมายตามวรรคหนึ
่งอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี
่ยวกับการบริหารพรรคการเมือง ซ

่งต้องกําหนด
ให้
เป็
นไปโดยเปิ
ดเผยและตรวจสอบได้
เปิ
ดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกําหนดนโยบาย
และการส่งผู
้สมัครรับเลือกตั
้ง และกําหนดมาตรการให้สามารถดําเนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงําหรือชี
้นํา
โดยบุคคลซึ
่งมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนั
้น รวมทั
้งมาตรการกํากับดูแลมิให้สมาชิกของพรรคการเม
ือง
กระทํ
าการอั
นเป็
นการฝ่
าฝื
นหรื
อไม่
ปฏิ
บั
ติ
ตามกฎหมายเกี

ยวกั
บการเลื
อกตั


มาตรา ๔๖ สิ
ทธิ
ของผู

บริ
โภคย่
อมได้
รั
บความคุ

มครอง
บุ
คคลย่
อมมี
สิ
ทธิ
รวมกั
นจั
ดตั

งองค์
กรของผู

บริ
โภคเพื

อคุ

มครองและพิ
ทั
กษ์
สิ
ทธิ
ของผู

บริ
โภค
องค์กรของผู
้บริโภคตามวรรคสองมีสิทธิรวมกันจัดตั
้งเป็นองค์กรที
่มีความเป็นอิสระเพื
่อให้เกิดพลัง
ในการคุ

มครองและพิ
ทั
กษ์
สิ
ทธิ
ของผู

บริ
โภคโดยได้
รั
บการสนั
บสนุนจากรัฐ ทั
้งนี
้ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดตั
้ง
อํ
านาจในการเป็
นตั
วแทนของผู

บริ
โภค และการสนั
บสนุ
นด้
านการเงิ
นจากรั
ฐ ให้
เป็
นไปตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๔๗ บุ
คคลย่
อมมี
สิ
ทธิ
ได้
รั
บบริ
การสาธารณสุ
ขของรั

บุ
คคลผู

ยากไร้
ย่
อมมี
สิ
ทธิ
ได้
รั
บบริ
การสาธารณสุ
ขของรั
ฐโดยไม่
เสี
ยค่
าใช้
จ่
ายตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

บุ
คคลย่
อมมี
สิ
ทธิ
ได้
รั
บการป้
องกั
นและขจั
ดโรคติ
ดต่
ออั
นตรายจากรั
ฐโดยไม่เสี
ยค่าใช้
จ่
าย

หน้
า ๑๓
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

มาตรา ๔๘ สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตรย่อมได้รับความคุ
้มครอง
และช่
วยเหลื
อตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

บุคคลซึ
่งมีอายุเกินหกสิบปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู
้ยากไร้ย่อมมีสิทธิ
ได้
รั
บความช่
วยเหลื
อที

เหมาะสมจากรั
ฐตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๔๙ บุคคลจะใช้สิทธิ
หรือเสรีภาพเพื
่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อั
นมี
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นประมุ
ขมิ
ได้

ผู

ใดทราบว่
ามี
การกระทํ
าตามวรรคหนึ

ง ย่
อมมี
สิ
ทธิ
ร้
องต่
ออั
ยการสู
งสุ
ดเพื

อร้
องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ
วิ
นิ
จฉั
ยสั

งการให้
เลิ
กการกระทํ
าดั
งกล่าวได้

ในกรณีที
่อัยการสูงสุดมีคําสั
่งไม่รับดําเนินการตามที
่ร้องขอ หรือไม่ดําเนินการภายในสิ
บห้าวัน
นั
บแต่
วั
นที

ได้
รั
บคํ
าร้
องขอ ผู

ร้
องขอจะยื

นคํ
าร้
องโดยตรงต่
อศาลรั
ฐธรรมนู
ญก็
ได้

การดํ
าเนิ
นการตามมาตรานี

ไม่
กระทบต่
อการดํ
าเนิ
นคดี
อาญาต่
อผู

กระทํ
าการตามวรรคหนึ


หมวด ๔
หน้
าที

ของปวงชนชาวไทย

มาตรา ๕๐ บุ
คคลมี
หน้
าที

ดั
งต่
อไปนี

(๑) พิทักษ์รักษาไว้ซึ
่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อั
นมี
พระมหากษั
ตริ
ย์
ทรงเป็
นประมุ

(๒) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
รวมทั

งให้
ความร่
วมมื
อในการป้
องกั
นและบรรเทาสาธารณภั

(๓) ปฏิ
บั
ติ
ตามกฎหมายอย่
างเคร่
งครั

(๔) เข้
ารั
บการศึ
กษาอบรมในการศึ
กษาภาคบั
งคั

(๕) รั
บราชการทหารตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

(๖) เคารพและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื
่น และไม่กระทําการใดที
่อาจก่อให้เกิด
ความแตกแยกหรื
อเกลี
ยดชั
งในสั
งคม
(๗) ไปใช้สิทธิเลือกตั
้งหรือลงประชามติอย่างอิสระโดยคํานึงถึงประโยชน์ส
่วนรวมของประเทศ
เป็
นสํ
าคั

(๘) ร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ
้มครองสิ
่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลาย
ทางชี
วภาพ รวมทั

งมรดกทางวั
ฒนธรรม
(๙) เสี
ยภาษี
อากรตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

(๑๐) ไม่
ร่
วมมื
อหรื
อสนั
บสนุ
นการทุ
จริ
ตและประพฤติ
มิ
ชอบทุ
กรู
ปแบบ

หน้
า ๑๔
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

หมวด ๕
หน้
าที

ของรั

มาตรา ๕๑ การใดที
่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นหน้าที
่ของรัฐตามหมวดนี
้ ถ้าการนั
้น
เป็นการทําเพื
่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยตรง ย่อมเป็นสิทธิของประชาชนและชุมชนที
่จะติดตาม
และเร่งรัดให้รัฐดําเนินการ รวมตลอดทั
้งฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที
่เกี
่ยวข้อง เพื
่อจ
ัดให้ประชาชน
หรื
อชุ
มชนได้
รั
บประโยชน์
นั

นตามหลั
กเกณฑ์
และวิ
ธี
การที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๕๒ รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ
่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพ
แห่งอาณาเขตและเขตที
่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั
่นคงของรัฐ
และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื
่อประโยชน์
แห่งการนี
้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูต
และการข่
าวกรองที

มี
ประสิ
ทธิ
ภาพ
กํ
าลั
งทหารให้
ใช้
เพื

อประโยชน์
ในการพั
ฒนาประเทศด้
วย
มาตรา ๕๓ รั
ฐต้
องดู
แลให้
มี
การปฏิ
บั
ติ
ตามและบั
งคั
บใช้
กฎหมายอย่างเคร่
งครั

มาตรา ๕๔ รัฐต้องดําเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั
้งแต่

ก่
อนวั
ยเรี
ยนจนจบการศึ
กษาภาคบั
งคั
บอย่างมีคุ
ณภาพโดยไม่
เก็
บค่าใช้
จ่าย
รัฐต้องดําเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคหนึ
่ง
เพื
่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุน
ให้
องค์
กรปกครองส่
วนท้
องถิ

นและภาคเอกชนเข้
ามี
ส่
วนร่
วมในการดําเนิ
นการด้
วย
รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่าง ๆ รวมทั
้งส่งเสริม
ให้มีการเรียนรู
้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ
่น และภาคเอกชน
ในการจั
ดการศึ
กษาทุ
กระดั
บ โดยรั
ฐมี
หน้
าที

ดํ
าเนิ
นการ ก

ากับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษา
ดังกล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ทั
้งนี
้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติซึ
่งอย่างน้อย
ต้องมีบทบัญญัติเกี
่ยวกับการจัดทําแผนการศึกษาแห่งชาติ และการดําเนินการและตรวจสอบการดําเนินการ
ให้
เป็
นไปตามแผนการศึ
กษาแห่
งชาติ
ด้
วย
การศึกษาท

้งปวงต้องมุ
่งพัฒนาผู
้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี
่ยวชาญได้
ตามความถนั
ดของตน และมี
ความรั
บผิ
ดชอบต่
อครอบครั
ว ชุ
มชน สั
งคม และประเทศชาติ

ในการดําเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาตามวรรคสอง หรือให้ประชาชนได้รับ
การศึ
กษาตามวรรคสาม รัฐต้องดําเนินการให้ผู
้ขาดแคลนทุ
นทรัพย์ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษา
ตามความถนั
ดของตน
ให้จัดตั
้งกองทุนเพื
่อใช้ในการช่วยเหลือผู
้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื
่อลดความเหลื
่อมล้
ําในการศึกษา
และเพื
่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยให้รัฐจัดสรรงบประมาณให้แก่กองทุน
หรื
อใช้
มาตรการหรื
อกลไกทางภาษี
รวมทั

งการให้
ผู

บริ
จาคทรั
พย์
สิ
นเข้
ากองทุนได้รับประโยชน์ในการลดหย่อน

หน้
า ๑๕
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

ภาษีด้วย ทั
้งนี
้ ตามที
่กฎหมายบัญญัติ ซึ
่งกฎหมายดังกล่าวอย่างน้อยต้องกําหนดให้การบริหารจัดการกองทุน
เป็
นอิ
สระและกํ
าหนดให้
มี
การใช้
จ่
ายเงิ
นกองทุ
นเพื

อบรรลุ
วั
ตถุ
ประสงค์
ดั
งกล่าว
มาตรา ๕๕ รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที
่มีประสิทธิภาพอย่างทั
่วถึง
เสร
ิมสร้างให้ประชาชนมีความรู
้พื
้นฐานเกี
่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และส่งเสริม
และสนั
บสนุ
นให้
มี
การพั
ฒนาภู
มิ
ปั
ญญาด้
านแพทย์
แผนไทยให้
เกิ
ดประโยชน์
สู
งสุ

บริ
การสาธารณสุ
ขตามวรรคหนึ

ง ต้
องครอบคลุ
มการส่
งเสริ
มสุ
ขภาพ การควบคุม และป้องกันโรค
การรั
กษาพยาบาล และการฟื

นฟู
สุ
ขภาพด้
วย
รั
ฐต้
องพั
ฒนาการบริ
การสาธารณสุ
ขให้
มี
คุ
ณภาพและมี
มาตรฐานสูงขึ

นอย่
างต่
อเนื

อง
มาตรา ๕๖
รัฐต้องจัดหรือดําเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั
้นพื
้นฐานที
่จําเป็นต่อการดํารงชีวิต
ของประชาชนอย่
างทั

วถึ
งตามหลั
กการพั
ฒนาอย่
างยั

งยื

โครงสร้างหรือโครงข่ายขั
้นพื
้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั
้นพื
้นฐานของรัฐอันจําเป็นต่อ
การดํารงชีวิตของประชาชนหรือเพื
่อความมั
่นคงของรัฐ รัฐจะกระทําด้วยประการใดให
้ตกเป็นกรรมสิทธิ

ของเอกชนหรื
อทํ
าให้
รั
ฐเป็
นเจ้
าของน้
อยกว่
าร้
อยละห้
าสิ
บเอ็
ดมิ
ได้

การจั
ดหรื
อดํ
าเนิ
นการให้
มี
สาธารณู
ปโภคตามวรรคหนึ

งหรื
อวรรคสอง รั
ฐต้
องดู
แลมิให้มีการเรียกเก็บ
ค่
าบริ
การจนเป็
นภาระแก่
ประชาชนเกิ
นสมควร
การนํ
าสาธารณู
ปโภคของรั
ฐไปให้
เอกชนดํ
าเนิ
นการทางธุ
รกิ
จไม่
ว่
าด้
วยประการใด ๆ รัฐต้องได้รับ
ประโยชน์ตอบแทนอย่างเป็นธรรม โดยคํานึงถึงการลงทุนของรัฐ ประโยชน์ท

่รัฐและเอกชนจะได้รับ
และค่
าบริ
การที

จะเรี
ยกเก็
บจากประชาชนประกอบกั

มาตรา ๕๗ รั
ฐต้
อง
(๑) อนุรักษ์ ฟื
้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ
่น ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม
และจารีตประเพณีอันดีงามของท้องถิ
่นและของชาติ และจัดให้มีพื
้นที
่สาธารณะสําหรับกิจกรรมที
่เกี
่ยวข้อง
รวมทั

งส่
งเสริ
มและสนั
บสนุ
นให้
ประชาชน ชุ
มชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ
่น ได้ใช้สิทธิและมีส่วนร่วม
ในการดํ
าเนิ
นการด้
วย
(๒) อนุ
รั
กษ์
คุ

มครอง บํารุงรักษา ฟื
้นฟู บริหารจัดการ และใช้หรือจัดให้มีการใช้ประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ
่งแวดล้อม
และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุล
และยั
่งยืน โดยต้องให้ประชาชนและชุมชนในท้องถิ
่นที
่เกี
่ยวข้องมีส่วนร่วมดําเนินการและได้รับประโยชน์
จากการดํ
าเนิ
นการดั
งกล่
าวด้
วยตามที
่กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๕๘ การดํ
าเนิ
นการใดของรั
ฐหรื
อที

รั
ฐจะอนุญาตให้ผู
้ใดดําเนินการ ถ้าการนั
้นอาจมี
ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ
่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสีย
สําคัญอื
่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ
่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดําเนินการให้มีการศึกษา
และประเมิ
นผลกระทบต่อคุณภาพสิ
่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟัง

หน้
า ๑๖
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

ความคิดเห็นของผู
้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที
่เกี
่ยวข้องก่อน เพื
่อนํามาประกอบการพิจารณา
ดํ
าเนิ
นการหรื
ออนุ
ญาตตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คําชี
้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อนการดําเนินการ
หรื
ออนุ
ญาตตามวรรคหนึ


ในการดําเนินการหรืออนุญาตตามวรรคหนึ
่ง ร
ัฐต้องระมัดระวังให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
ชุมชน สิ
่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพน้อยที
่สุด และต้องดําเนินการให้มีการเยียวยา
ความเดื
อดร้
อนหรื
อเสี
ยหายให้
แก่
ประชาชนหรื
อชุ
มชนที

ได้
รั
บผลกระทบอย่
างเป็
นธรรมและโดยไม่
ชั
กช้

มาตรา ๕๙ รั
ฐต้
องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ
ที

มิ
ใช่
ข้
อมู
ลเกี

ยวกั
บความมั

นคงของรั
ฐหรื
อเป็
นความลั
บของทางราชการตามที
่กฎหมายบัญญัติ และต้องจัดให้
ประชาชนเข้
าถึ
งข้
อมู
ลหรื
อข่
าวสารดั
งกล่
าวได้
โดยสะดวก
มาตรา ๖๐ รัฐต้องรักษาไว้ซึ
่งคลื
่นความถี
่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็น
สมบั
ติ
ของชาติ
เพื

อใช้
ให้
เกิ
ดประโยชน์
แก่
ประเทศชาติ
และประชาชน
การจัดให้มีการใช้ประโยชน์จากคลื
่นความถี
่ตามวรรคหนึ
่ง ไม่ว่าจะใช้เพื
่อส่งว
ิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม หรือเพื
่อประโยชน์อื
่นใด ต้องเป็นไปเพื
่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ความมั
่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ รวมตลอดทั
้งการให้ประชาชนมีส่วนได้ใช้ประโยชน์จาก
คลื

นความถี

ด้
วย ทั

งนี

ตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

รัฐต้องจัดให้มีองค์กรของรัฐที
่มีความเป็
นอิสระในการปฏิบัติหน้าที
่ เพื
่อรับผิดชอบและกํากับ
การดํ
าเนิ
นการเกี

ยวกั
บคลื

นความถี
่ให้เป็นไปตามวรรคสอง ในการนี
้ องค์กรดังกล่าวต้องจัดให้มีมาตรการ
ป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู
้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู
้บริโภคเกินความจําเป็น
ป้
องกั
นมิ
ให้
คลื

นความถี

รบกวนกั
น รวมตลอดทั

งป้
องกั
นการกระทํ
าที

มี
ผลเป็
นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู

หรือปิดกั
้นการรับรู
้ข้อมูลหรือข่าวสารที
่ถูกต้องตามความเป็นจริงของประชาชน และป้องกันมิให้บุคคล
หรือกลุ
่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื
่นความถี
่โดยไม่คํานึงถึงสิทธิของประชาชนทั
่วไป รวมตลอดทั
้ง
การกําหนดสัดส่วนขั
้นต่
ําที
่ผู
้ใช้ประโยชน์จากคลื
่นความถี
่จะต้องดําเนินการเพื
่อประโยชน์สาธารณะ ทั
้งนี

ตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

มาตรา ๖๑ รัฐต้องจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที
่มีประสิทธิภาพในการคุ
้มครองและพิทักษ์สิทธิ
ของผู
้บริโภคด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการรู
้ข้อมูลที
่เป
็นจริง ด้านความปลอดภัย ด้านความเป็นธรรม
ในการทํ
าสั
ญญา หรื
อด้
านอื

นใดอั
นเป็
นประโยชน์
ต่
อผู

บริ
โภค
มาตรา ๖๒ รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื
่อให้ฐานะทางการเงินการคลัง
ของรัฐมีเสถียรภาพและมั
่นคงอย่างยั
่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษี
ให้
เกิ
ดความเป็
นธรรมแก่
สั
งคม

หน้
า ๑๗
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี
่ยวกับกรอบการดําเนินการ
ทางการคลังและงบประมาณของรัฐ การกําหนดวินัยทางการคลังด้านรายได้และรายจ่ายทั
้งเงินงบประมาณ
และเงิ
นนอกงบประมาณ การบริ
หารทรั
พย์
สิ
นของรั
ฐและเงิ
นคงคลั
ง และการบริ
หารหนี

สาธารณะ
มาตรา ๖๓ รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความร

้แก่ประชาชนถึงอันตรายที
่เกิดจาก
การทุจริตและประพฤติมิชอบทั
้งในภาครัฐและภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการและกลไกที
่มีประสิทธิภาพ
เพื
่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั
้งกลไกในการส่งเสริม
ให้
ประชาชนรวมตั
วกั
นเพื

อมี
ส่
วนร่
วมในการรณรงค์
ให้
ความรู

ต่
อต้
าน หรือชี
้เบาะแส โดยได้รั
บความคุ
้มครอง
จากรั
ฐตามที

กฎหมายบั
ญญั
ติ

หมวด ๖
แนวนโยบายแห่
งรั

มาตรา ๖๔ บทบัญญัติในหมวดนี
้เป็นแนวทางให้รัฐดําเนินการตรากฎหมายและกําหนดนโยบาย
ในการบริ
หารราชการแผ่
นดิ

มาตรา ๖๕ รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั
่งยืน
ตามหลักธรรมาภิบาลเพื
่อใช้เป็นกรอบในการจัดทําแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื
่อให้เกิดเป็น
พลั
งผลั
กดั
นร่
วมกั
นไปสู

เป้
าหมายดั
งกล่
าว
การจั
ดทํ
า การกํ
าหนดเป้
าหมาย ระยะเวลาที

จะบรรลุ
เป้าหมาย และสาระที
่พึงมีในยุทธศาสตร์ชาติ

ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที
่กฎหมายบัญญัติ ทั
้งนี
้ กฎหมายดังกล่าวต้องมีบทบัญญัติเกี
่ยวกับ
การมี
ส่
วนร่
วมและการรั
บฟั
งความคิ
ดเห็
นของประชาชนทุ
กภาคส่
วนอย่
างทั

วถึ
งด้
วย
ยุ
ทธศาสตร์
ชาติ
เมื

อได้
ประกาศในราชกิ
จจานุ
เบกษาแล้
ว ให้
ใช้
บั
งคั
บได้

มาตรา ๖๖ รัฐพึงส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศโดยถือหลักความเสมอภาค
ในการปฏิ
บั
ติ
ต่
อกั
น และไม่
แทรกแซงกิ
จการภายในของกั
นและกั
น ให้
ความร่
วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ
และคุ

มครองผลประโยชน์
ของชาติ
และของคนไทยในต่
างประเทศ
มาตรา ๖๗ รั
ฐพึ
งอุ
ปถั
มภ์
และคุ

มครองพระพุ
ทธศาสนาและศาสนาอื


ในการอุปถัมภ์และคุ
้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที
่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือ
มาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท
เพื
่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลาย
พระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนิ
นมาตรการ
หรื
อกลไกดั
งกล่
าวด้
วย
มาตรา ๖๘ รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ
เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว
และไม่
เสี
ยค่
าใช้
จ่
ายสู
งเกิ
นสมควร

หน้
า ๑๘
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

รัฐพึงมีมาตรการคุ
้มครองเจ้าหน้าที
่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที
่ได้
โดยเคร่
งครั
ด ปราศจากการแทรกแซงหรื
อครอบงํ
าใด ๆ
รัฐพึงให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที
่จําเป็นและเหมาะสมแก่ผู
้ยากไร้หรือผู
้ด้อยโอกาส
ในการเข้
าถึ
งกระบวนการยุ
ติ
ธรรม รวมตลอดถึ
งการจั
ดหาทนายความให้

มาตรา ๖๙ รัฐพึงจัดให้มีและส
่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี

และศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู
้ การพัฒนา และนวัตกรรม เพื
่อความเข้มแข็งของสังคม
และเสริ
มสร้
างความสามารถของคนในชาติ

มาตรา ๗๐ รั
ฐพึ
งส่
งเสริ
มและให้ความคุ
้มครองชาวไทยกลุ
่มชาติพันธุ
์ต่าง ๆ ให้มีสิทธิดํารงชีวิต
ในสังคมตามวัฒนธรรม
ประเพณี และวิถีชีวิตดั
้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข ไม่ถูกรบกวน
ทั
้งนี
้ เท่าที
่ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นอันตราย
ต่
อความมั

นคงของรั
ฐ หรื
อสุ
ขภาพอนามั

มาตรา ๗๑ รัฐพึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวอันเป
็นองค์ประกอบพื
้นฐานที
่สําคัญ
ของสังคม จัดให้ประชาชนมีที
่อยู
่อาศัยอย่างเหมาะสม ส่งเสริมและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพเพื
่อให้
ประชาชนมี
สุ
ขภาพที

แข็
งแรงและมี
จิ
ตใจเข้
มแข็
ง รวมตลอดทั

งส่
งเสริ
มและพั
ฒนาการกีฬาให้ไปสู
่ความเป็นเลิศ
และเกิ
ดประโยชน์
สู
งสุ
ดแก่
ประชาชน
รั
ฐพึ
งส่
งเสริ
มและพั
ฒนาทรั
พยากรมนุ
ษย์
ให้
เป็
นพลเมื
องที

ดี
มี
คุ
ณภาพและความสามารถสู
งขึ



ัฐพึงให้ความช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรี ผู
้สูงอายุ คนพิการ ผู
้ยากไร้ และผู
้ด้อยโอกาส
ให้สามารถดํารงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และคุ
้มครองป้องกันมิให้บุคคลดังกล่าวถูกใช้ความรุนแรง
หรื
อปฏิ
บั
ติ
อย่
างไม่
เป็
นธรรม รวมตลอดทั

งให้
การบํ
าบั
ด ฟื

นฟู
และเยี
ยวยาผู

ถู
กกระทํ
าการดั
งกล่
าว
ในการจัดสรรงบประมาณ รัฐพึงคํานึงถึงความจําเป็นและความต้องการที
่แตกต่างกันของเพศ วัย
และสภาพของบุ
คคล ทั

งนี

เพื

อความเป็
นธรรม
มาตรา ๗๒ รั
ฐพึ
งดํ
าเนิ
นการเกี

ยวกั
บที

ดิ
น ทรั
พยากรน้

า และพลั
งงาน ดั
งต่
อไปนี

(๑) วางแผนการใช้ที
่ดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพของพื
้นที
่และศักยภาพของที
่ดิน
ตามหลั
กการพั
ฒนาอย่
างยั

งยื

(๒) จัดให้มีการวางผังเมืองทุกระดับและบังคับการให้เป็นไปตามผังเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมตลอดทั

งพั
ฒนาเมื
องให้
มี
ความเจริ
ญโดยสอดคล้
องกั
บความต้
องการของประชาชนในพื

นที

(๓) จัดให้มีมาตรการกระจายการถือครองที
่ดินเพื
่อให้ประชาชนสามารถมีที
่ทํากินได้อย่างทั
่วถึง
และเป็
นธรรม
(๔) จั
ดให้มีทรัพยากรน้
ําที
่มีคุณภาพและเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมทั
้ง
การประกอบเกษตรกรรม อุ
ตสาหกรรม และการอื


(๕) ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างคุ
้มค่า รวมทั
้งพัฒนาและสนับสนุน
ให้
มี
การผลิ
ตและการใช้
พลั
งงานทางเลื
อกเพื

อเสริมสร้
างความมั

นคงด้
านพลั
งงานอย่
างยั

งยื

หน้
า ๑๙
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

มาตรา ๗๓ รัฐพึงจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที
่ช่วยให้เกษตรกรประกอบเกษตรกรรม
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที
่มีปริมาณและคุณภาพสูง มีความปลอดภัย โดยใช้ต้นทุนต่
ํา
และสามารถแข่งขันในตลาดได้ และพึงช่วยเหลือเกษตรกรผู
้ยากไร้ให้มีที
่ทํากินโดยการปฏิรูปที
่ดิน
หรื
อวิ
ธี
อื

นใด
มาตรา ๗๔ รัฐพึงส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถในการทํางานอย่างเหมาะสมกับศักยภาพ
และวัยและให้มีงานทํา และพึงคุ
้มครองผู
้ใช้แรงงานให้ได้รับความปลอดภัยและมีสุขอนามัยที
่ดีในการทํางาน
ได้รับรายได้ สวัสดิการ การประกันสังคม และสิทธิประโยชน์
อื
่นที
่เหมาะสมแก่การดํารงชีพ และพึงจัดให้มี
หรื
อส่
งเสริ
มการออมเพื

อการดํ
ารงชี
พเมื

อพ้
นวั
ยทํ
างาน
รั
ฐพึ
งจั
ดให้
มี
ระบบแรงงานสั
มพั
นธ์
ที

ทุ
กฝ่
ายที

เกี

ยวข้
องมี
ส่
วนร่
วมในการดํ
าเนิ
นการ
มาตรา ๗๕ รัฐพึงจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างทั
่วถึง เป็นธรรม และยั
่งย
ืน สามารถพึ
่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจที
่ไม่เป็นธรรม และพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
ทางเศรษฐกิ
จของประชาชนและประเทศ
รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที
่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่กรณีที
่มีความจําเป็น
เพื
่อประโยชน์ในการรักษาความมั
่นคงของรัฐ การรักษาผลประโยชน์ส่
วนรวม การจัดให้มีสาธารณูปโภค
หรื
อการจั
ดทํ
าบริ
การสาธารณะ
รัฐพึงส่งเสริม สนับสนุน คุ
้มครอง และสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสหกรณ์ประเภทต่าง ๆ
และกิ
จการวิ
สาหกิ
จขนาดย่
อมและขนาดกลางของประชาชนและชุ
มชน
ในการพั
ฒนาประเทศ รั
ฐพึ
งคํานึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับการพัฒนาด้านจิตใจ
และความอยู

เย็
นเป็
นสุ
ขของประชาชน ประกอบกั

มาตรา ๗๖ รัฐพึงพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดินทั
้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
ส่
วนท้
องถิ

น และงานของรั
ฐอย่
างอื

น ให้
เป็
นไปตามหลั
กการบริ
หารกิจการบ้านเมืองที
่ดี โดยหน่วยงานของรัฐ
ต้
องร่
วมมื
อและช่
วยเหลื
อกั
นในการปฏิ
บั
ติ
หน้าที
่ เพื
่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน การจัดทําบริการสาธารณะ
และการใช้จ่ายเง
ินงบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื
่อประโยชน์สุขของประชาชน รวมตลอดทั
้งพัฒนา
เจ้
าหน้
าที

ของรั
ฐให้
มี
ความซื

อสั
ตย์
สุ
จริ
ต และมี
ทั
ศนคติ
เป็นผู
้ให้บริการประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว
ไม่
เลื
อกปฏิ
บั
ติ
และปฏิ
บั
ติ
หน้
าที

อย่
างมี
ประสิ
ทธิ
ภาพ
รัฐพึงดําเนินการให้มีกฎหมายเกี
่ยวกับการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรั
ฐ ให้เป็นไป
ตามระบบคุ
ณธรรม โดยกฎหมายดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีมาตรการป้องกันมิให้ผู
้ใดใช้อํานาจ หรือกระทําการ
โดยมิชอบที
่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที
่ หรือกระบวนการแต่งตั
้งหรือการพิจารณา
ความดี
ความชอบของเจ้
าหน้
าที

ของรั

หน้
า ๒๐
เล่
ม ๑๓๔ ตอนที

๔๐ ก ราชกิ
จจานุเบกษา ๖ เมษายน ๒๕๖๐

รั
ฐพึ
งจั
ดให้
มี
มาตรฐานทางจริ
ยธรรม เพื

อให้
หน่
วยงานของรั
ฐใช้
เป็
นหลั
กในการกําหนดประมวลจริยธรรม
สํ
าหรั
บเจ้
าหน้
าที

ของรั
ฐในหน่
วยงานนั

น ๆ ซึ

งต้
องไม่
ต่

ากว่
ามาตรฐานทางจริ
ยธรรมดั
งกล่
าว
มาตรา ๗๗ รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที
่จําเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมาย
ที

หมดความจําเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที
่เป็นอ
ุปสรรคต่อการดํารงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ
โดยไม่ชักช้าเพื
่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดําเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆ
ได้
โดยสะดวกและสามารถเข้
าใจกฎหมายได้
ง่
ายเพื

อปฏิ
บั
ติ
ตามกฎหมายได้
อย่
างถูกต้
อง
ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู
้เกี
่ยวข้อง ว
ิเคราะห์
ผลกระทบที
่อาจเกิดขึ
้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั
้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็น
และการวิเคราะห์นั
้นต่อประชาชน และนํามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั
้นตอน
เมื
่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ
์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาที
่กําหนด
โดยรับฟังความคิดเห็นของผู
้เกี
่ยวข
้องประกอบด้วย เพื
่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสม
กั
บบริ
บทต่
าง ๆ ที

เปลี

ยนแปลงไป
รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที
่จําเป็น พึงกําหนดหลักเกณฑ์
การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที
่ของรัฐและระยะเวลาในการดําเนินการตามขั
้นตอนต่าง ๆ ที
่บัญญัติไว้

ในกฎหมายให้
ชั
ดเจน และพึ
งกํ
าหนดโทษอาญาเฉพาะความผิ
ดร้
ายแรง
มาตรา ๗๘ รัฐพึงส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู
้ความเข้าใจที
่ถูกต้องเกี
่ยวกับ
การปกครองระบอบประชาธิ
ปไตยอั
นมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
ด้านต่าง ๆ การจัดทําบริการสาธา?